
GHOST LAB หนังเรื่องใหม่จาก GDH ที่ส่งมาให้คนไทยคลายเหงาในช่วงที่หนังใหญ่เข้าโรงไม่ได้ การปรับตัวทำหนังฉายทางแพลตฟอร์มออนไลน์ถือเป็นอีกทางออกในวิกฤตแบบนี้แหละ ที่จะทำให้คนไทยยังไม่ลืมชื่อ GDH
ว่ากันถึงเรื่องของ GHOST LAB ที่ถือเป็นหนังผีแนววิทยาศาสตร์ที่ฉีกแนวการเล่าเรื่องฉบับเดิม ๆ (แม้ว่าตอนหลังจะใช้มุกเก่าบ้างก็เถอะ) แต่หลายอย่างในเรื่องนี้ก็มีเหตุผลที่พอจะเข้าใจได้ว่าโลกหลังความตายมันน่าจะเป็นยังไง
การเล่าเรื่องโลกหลังความตาย ที่ทำให้คนดูไม่ได้อยากตายนี่ถือเป็นงานที่ท้าทายผู้กำกับอย่าง ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับที่ผ่านหนังผีชื่อคุ้นหูมากมาย เช่น 4 แพร่ง ตอน ยันต์สั่งตาย และ 5 แพร่ง ตอน หลาวชะโอน
การทำหนังผีโดยนำวิทยาศาสตร์มาอธิบาย แม้ว่าจะไมได้นำหลักอะไรมาเล่า แต่ก็พอมีเค้าโครงของความน่าจะเป็น ด้วยความที่ผู้กำกับไม่ได้ตีบทให้ยากจนเกินเข้าใจ ทำให้หนังเรื่องนี้ใครก็ดูได้
แต่จากผลตอบรับที่หลายคนค่อนข้างผิดหวังกับตอนจบ ก็เลยทำให้กระแสด้านลบจากสังคมค่อนข้างเยอะ ปรภ จึงอยากจะพาย้อนดูเกร็ดเล็กน้อยที่หลายคนอาจจะลืมคิดไปว่าหนังเรื่องนี้พาเราไปเจอกับอะไรบ้าง

ถ้าดูกันจริงๆ GHOST LAB แฝงข้อคิดไว้มากเลยทีเดียว แต่ในบทความนี้จะขอมาเล่าถึงประเด็นที่โดนใจกันนะจ้ะ
ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วยังไม่ได้ดู ก็แนะนำให้ไปดูก่อน เพราะต่อไปนี้จะเล่าแบบมีเนื้อหาบางส่วนมาเกี่ยวข้อง
หลังจากที่หมอกล้า (ไอซ์ พาริส) ยอมตายเพื่อไปสู่อีกฟากของการทดลอง หมอวี (ต่อ ธนภพ) ก็รอคอยการกลับมาของวิญญาณกล้า จนสุดท้ายถึงกับหมดหวังและเตรียมจะจบชีวิตตัวเองตามเพื่อน

และนั่นคือสัญญาณแรกที่ทำให้หมอกล้าแสดงพลังออกมาได้ ทำให้หมอวีกลับมาตั้งสมมติฐานใหม่คือ วิญญาณจะกลับมีพลัง หากยังมีห่วง
เพราะหมอกล้ายังมีห่วงกับคนใกล้ตัวซึ่งก็คือเพื่อนรักที่สัญญากันว่าจะทำงานวิจัยเรื่องผีให้สำเร็จ พอหมอวีกำลังตกอยู่ในอันตราย จากที่หมอกล้าบอกว่าหลังตายไปแล้วอยู่แต่ในความมืด มองไม่เห็นอะไร กลับมีภาพของหมอวีปรากฎขึ้นมาตรงหน้า แต่ก็ยังมองไม่เห็นอย่างอื่นรอบตัวได้จากเพื่อนของตัวเอง นั่นเพราะว่า จิตแห่งความห่วงใยยังผูกอยู่กับหมอวีนั่นเอง
แต่จริงๆ แล้วการที่หมอวีเจอกับหมอกล้าได้ อาจไม่ได้มาจากความห่วงระหว่างเพื่อนเพียงอย่างเดียว แต่หมอกล้าอาจจะเป็นห่วงครอบครัว และด้วยตัวกระตุ้นนั้นทำให้กลับมาเจอหมอวีก่อน และให้เค้าเป็นคนพาไปเจอกับครอบครัว

ประเด็นที่น่าสนใจคือ การกระตุ้นให้วิญญาณมีพลังเพิ่มขึ้น ที่หมอวีได้วิเคราะห์ว่า “ผีอาจเปรียบเสมือนลม” ที่เมื่อเจอความกดอากาศจะก่อตัวเป็นพายุ ที่เพิ่มได้ทั้งความเร็วและขนาด และเมื่อรวมตัวกับไอน้ำ จะทำให้เกิดประจุไฟฟ้า และสุดท้ายเราก็จะเห็นพายุที่มีรูปร่างขึ้นมา
หากวิญญาณได้รับการกระตุ้น ก็อาจจะปรากฎตัวขึ้นมาได้เช่นกัน โดยสิ่งที่อาจเป็นปัจจัยในการกระตุ้นก็คือ “ความห่วง”
ดังคำโบราณที่บอกว่า “วิญญาณจะไปสู่สุขคติถ้าหมดห่วง” ตรงประเด็นนี้ ปรภ คิดว่า หมอกล้าน่าจะหมดห่วงจากหมอวี เพราะยังเห็นว่าหมอวียังสามารถใช้ความรู้ความสามารถในการทำวิจัยต่อด้วยตัวเองได้
และจากฉากที่หมอวีไปกินต้มข่าไก่ที่บ้านของแม่หมอกล้า ทำให้หมอกล้าหมดห่วงกับครอบครัว และบอกกับหมอวีว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว
พอหมอกล้าหายไป หมอวีก็พยายามทำทุกทางให้หมอกล้ากลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง จนกระทั่งหมอวีใช้ “ความห่วง” ที่รุนแรงขึ้นเป็นตัวกระตุ้นให้วิญญาณของหมอกล้าปรากฎตัว
ความห่วงของวิญญาณหมอกล้าที่มีต่อแฟน ทำให้โกรธแค้นที่หมอวีจะทำมิดีมิร้าย กลายเป็นวิญญาณที่อาฆาตและมีพลังเยอะมากจนถึงขึ้นเข้าร่างตัวเองได้ ตรงนี้ออกจะเกินจริงไปหน่อยที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าเป็นจุดอ่อนของหนังเรื่องนี้
แต่ถ้ามองตามเนื้อเรื่องที่ปูมาแต่แรกมันก็สมเหตุสมผลได้อยู่ว่านี่เป็นไปตามทฤษฎีที่ผู้กำกับได้วางเอาไว้แต่แรกว่า “ความอาฆาตแค้นมีพลังมากกว่าห่วง” แต่ความแค้นเป็นพลังด้านลบที่ควบคุมไม่ได้ และทำให้วิญญาณของหมอกล้าขาดสติ
เพราะตอนที่ใช้แค่ความห่วง ทำให้วิญญาณหมอกล้ายังควบคุมพลังได้ แต่พอใช้พลังจากความแค้น กลับกลายเป็นว่าขาดสติจนควบคุมไม่ได้เลย อารมณ์ที่เหนือกว่าเหตุผลทำให้สามารถฆ่าเพื่อนรักของตัวเองได้
แม้ว่าพอเพื่อนตาย ศพหมอกล้าก็มาปั๊มหัวใจเพื่อนหวะ อันนี้งงนิดนึง 5555+ ตอนเห็นเงาๆ ยังแอบคิดว่า อ้อ คงมีคนมาเจอแหละ แต่พอเห็นว่าเป็นร่างของหมอกล้าก็แบบ หื้ม นะ
แต่พอมาวิเคราะห์ดีๆ ด้วยความที่วิญญาณหมอกล้าได้คุยปรับความเข้าใจกับหมอวีแล้ว ก็เลยเห็นว่าหมอวียังมีโอกาสอีกที่จะทำอะไรๆ ให้สำเร็จ
ชีวิตมีเพียงแค่โอกาสเดียว ดังประโยคนุดท้ายที่กล้าพูดกับวีในความคิดว่า อิจฉาที่มึงยังมีโอกาส มองได้อีกมุมคือ วินาทีที่หมอวีกำลังจะยิงตัวตายในตอนแรก ความทรงจำในอดีตทะลักมาและทำให้เขาได้เห็นคุณค่าของชีวิต

เพราะในตอนแรกหมอวีอยากตายด้วยอารมณ์เสียใจจากการเสียแม่ แต่พอมาถึงเวลาเอาเข้าจริงอารมณ์ลึกๆ กลับทำให้เขาไม่กล้าลงมือ
ต่างจากหมอกล้า ที่ใช้เหตุผลในการตาย ทำให้หยิบปืนมายิงตัวเองโดยไม่คิดอะไรมากนั่นเอง
ความยากของหนังเรื่องนี้อยู่ตรงการปิดปมที่ได้ผูกเอาไว้ในตอนแรก ที่ทำให้หลายๆ คนคาดหวังจะได้รับคำตอบของความตายอย่างล้ำๆ แต่พอเอาเข้าจริง อยากขอใช้คำพูดของวิญญาณแม่หมอวี (แสดงโดย สู่ขวัญ) ว่า “พวกหนูทำอะไรกันอยู่ลูก”